วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

แนวพระราชดำริด้านการอนุรักษ์ป่าไม้


การอนุรักษ์ป่าไม้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในปัญหาปริมาณป่าไม้ลดลงเป็นอย่างมาก จึงทรงพยายามค้นหาวิธีนานาประการที่จะเพิ่มปริมาณของป่าไม้ในประเทศไทย ให้เพิ่มมากขึ้นอย่างมั่นคง และถาวร โดยมีวิธีการที่เรียบง่าย และประหยัดในการดำเนินงาน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมระบบวงจรป่าไม้ในลักษณะอันเป็นธรรมชาติดั้งเดิม ประการสำคัญนั้น มีพระราชดำริที่ยึดเป็นทฤษฎีการพัฒนาด้านป่าไม้ โดยปลูกฝังจิตสำนึกแก่ประชาชน ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นจะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดิน และรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง นับเป็นทฤษฎีที่เป็นปรัชญาในด้านการพัฒนาป่าไม้ที่ยิ่งใหญ่โดยแท้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริหลายประการ เป็นต้นว่า
1.  พระราชดำริ เรื่อง การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก
การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูกด้วยการเลือกที่ที่เหมาะสม ก็ทิ้งป่านั้นไว้ตรงนั้น ไม่ต้องไปทำอะไรเลย ป่าจะเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นป่าสมบูรณ์ โดยไม่ต้องไปปลูกเลยสักต้นเดียว เพียงแต่คุ้มครองไม่ให้ใครไปรังแกป่าหรือตอแยต้นไม้เท่านั้นเอง ส่วนป่าเต็งรังป่าที่เสื่อมโทรม ไม่ต้องทำอะไร เพราะตอไม้จะแตกกิ่งออกมาอีก ถึงแม้ว่าต้นไม่สวยแต่ก็เป็นต้นไม้ใหญ่ได้ ทรงมีพระราชดำริให้ปลูกป่าในที่สูง โดยใช้ไม้จำพวกที่มีเมล็ดทั้งหลาย ขึ้นไปปลูกบนยอดที่สูง เมื่อโตแล้วออกฝักออกเมล็ดก็จะลอยตกลงมา แล้วงอกเองในที่ต่ำ ต่อไปเป็นการขยายพันธุ์โดยธรรมชาติ รวมทั้งทรงแนะนำให้ปลูกป่าต้นน้ำลำธารหรือการปลูกป่าธรรมชาติ ด้วยการศึกษาว่าพืชพันธุ์ไม้ดั้งเดิมมีอะไรบ้าง แล้วปลูกแซมหรือทดแทนตามชนิดของต้นไม้ที่ได้ศึกษามา และให้งดปลูกไม้ผิดแผกจากถิ่นเดิม คือ ไม่นำไม้แปลกแปลมต่างพันธุ์ ต่างถิ่นเข้ามาปลูก หากยังไม่ได้มีการศึกษาอย่างแน่ชัดเสียก่อน เพื่อให้การปลูกป่าธรรมชาติเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์
2.   พระราชดำริ เรื่อง การปลูกป่าทดแทน
การปลูกป่าทดแทน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการ เพื่อคืนธรรมชาติสู่แผ่นดิน ด้วยวิถีทางแบบผสมผสานกันในเชิงปฏิบัติ โดยได้พระราชทานคำแนะนำให้มีการปลูกป่าทดแทน ตามสภาพภูมิศาสตร์และสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ ซึ่งได้แก่การปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกแผ้วถางและพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม นอกจากนี้ทรงแนะนำให้ปลูกป่าทดแทนไหล่เขา การปลูกป่าทดแทนบริเวณต้นน้ำบนยอดเขาและเนินสูง เนื่องจากสภาพป่าบนที่เขาสูงทรุดโทรม จะมีผลกระทบต่อลุ่มน้ำตอนล่าง การปลูกป่าบริเวณอ่างเก็บน้ำหรือเหนืออ่างเก็บน้ำ การปลูกป่าเพื่อพัฒนาลุ่มน้ำ และแหล่งน้ำ การปลูกป่าโดยให้ราษฎรในท้องถิ่นนั้นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ให้เจริญเติบโต รวมทั้งการปลูกป่าเสริมสร้างชาติ เพื่อเป็นการเพิ่มที่อยู่อาศัยแก่สัตว์ป่า ซึ่งขณะนี้โครงการที่เป็นการปลูกป่าทดแทนตามแนวพระราชดำริ ได้บรรลุผลสัมฤทธิ์เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง
3.   พระราชดำริ เรื่อง การปลูกป่าในเชิงผสมผสาน
การปลูกป่าในเชิงผสมผสาน ทั้งในด้านเกษตรวนศาสตร์และเศรษฐกิจสังคมในลักษณะของป่า 3 อย่าง โดยมีพระราชดำรัสว่าป่าไม้ที่จะปลูกนั้น สมควรที่จะปลูกแบบป่าใช้ไม้หนึ่ง ป่าสำหรับใช้ผลหนึ่ง และป่าสำหรับใช้เป็นฟืนอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งการปลูกป่า 3 อย่างนี้ นอกจากประโยชน์ในตัวเองตามชื่อแล้ว ยังสามารถให้ประโยชน์อย่างที่ 4 ซึ่งเป็นข้อมูล คือ สามารถช่วยอนุรักษ์ดินและต้นน้ำลำธารด้วย ซึ่งส่วนราชการต่างๆ ได้นำไปดำเนินการเป็นการสนองพระราชดำริ โดยได้มีการปลูกพันธุ์ไม้โตเร็ว สำหรับตัดกิ่งนำมาทำฟืนเผาถ่าน ตลอดจนไม้สำหรับใช้ในการก่อสร้างและหัตถกรรม ซึ่งการปลูกป่า   3 อย่าง ตามพระราชดำรินี้ นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ป่าไม้และฟื้นฟูสภาพป่าไม้แล้ว ยังเป็นประโยชน์แก่ราษฎรและเป็นผลดีทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย พระปรัชญาที่ชาญฉลาดแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ยังประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์อย่างแท้จริง
4.   พระราชดำริ เรื่อง การป้องกันไฟป่าระยะยาว
การป้องกันไฟป่าระยะยาว และทรงตระหนักว่าการทำไม้ป่าเปียก หรือมีความชุ่มชื้นตลอดเวลาจะทำให้ไฟป่าเกิดขึ้นได้ยาก หรือเกิดขึ้นก็ไม่ลุกลามไปมาก โดยเหตุนี้พระราชดำริป่าเปียก ซึ่งเป็นทฤษฎีการพัฒนาป่าไม้โดยการใช้ทรัพยากรน้ำ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสร้างแนวป้องกันไฟจึงได้เกิดขึ้น ด้วยการใช้แนวคลองส่งน้ำ และแนวพืชชนิดต่างๆ ปลูกตามแนวคลองเป็นการป้องกันไฟป่า การสร้างระบบควบคุมไฟป่า โดยอาศัยน้ำชลประทาน และน้ำฝน การปลูกต้นไม้โตเร็วคลุมแนวร่องน้ำ เพื่อให้ความชุ่มชื้นค่อยๆ ทวีขึ้น และแผ่ขยายออกไป การสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น เพื่อปิดกั้นร่องน้ำหรือ    ลำธารขนาดเล็กเป็นระยะๆ เพื่อใช้เก็บกักน้ำ การสูบน้ำขึ้นในระดับสูงแล้วปล่อยให้ไหลลงมา รวมทั้ง การปลูกต้นกล้วย ซึ่งอุ้มน้ำได้มากกว่าพืชอื่นๆ เป็นแนวป้องกันไฟป่า ซึ่งแนวพระราชดำริ ป่าเปียกนี้จะทำให้ป่าเขียวสดอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนมีความชุ่มชื้น ไฟป่าจึงเกิดได้ยาก นับเป็นพระราชดำริในการป้องกันไฟไหม้ป่าที่เรียบง่าย แต่ได้ประโยชน์อย่างคุ้มค่ามหาศาล
5.   พระราชดำริ เรื่อง การสร้างภูเขาป่า
การสร้างภูเขาป่า ยังเป็นอีกพระราชดำริหนึ่งที่พระราชทานแนวคิดอันเป็นทฤษฎีการพัฒนาฟื้นฟูป่าไม้ โดยมีพระราชดำรัสว่า ควรสำรวจแหล่งน้ำเพื่อการพิจารณา สร้างฝายขนาดเล็กปิดกันร่องน้ำในเขตต้นน้ำลำธาร เพื่อแผ่กระจายความชุ่มชื้นออกไปให้กว้างขวาง จะช่วยฟื้นฟูสภาพป่าในบริเวณที่สูงให้สมบูรณ์ขึ้น บริเวณดังกล่าวจะได้กลายเป็นภูเขาป่าในอนาคต นอกจากนี้ได้พระราชทานคำแนะนำเพิ่มเติมว่า หากไม่มีแหล่งน้ำในพื้นที่เพื่อฟื้นฟูป่าไม้ในบริเวณภูเขาเสื่อมโทรม ให้พิจารณาส่งน้ำขึ้นไปยังจุดที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้สามารถจ่ายน้ำลงไปหล่อเลี้ยงกล้าไม้อ่อนที่ปลูกทดแทนไว้บนภูเขาได้ตลอดเวลา โดยจะต้องพยายามสูบน้ำขึ้นไปทีละขั้น จนถึงระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยพิจารณาใช้เครื่องสูบน้ำธรรมชาติ ซึ่งได้แก่พลังงานแสงอาทิตย์ กับพลังงานลมที่มีใช้อยู่แล้ว ปัจจุบันภูเขาป่ามีปรากฏ ให้เห็นในหลายแห่งทั่วทุกภาคของประเทศ นับได้ว่าการสร้างภูเขาป่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นวิธีการธรรมชาติที่เรียบง่าย แต่ช่วยฟื้นฟูสภาพป่าในบริเวณที่สูงให้สมบูรณ์ขึ้นเป็นอย่างมาก
6.   พระราชดำริ เรื่อง น้ำ คือสิ่งที่ทำให้ป่าไม้อยู่รอด
ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการฟื้นฟูป่าไม้ในหลายรูปแบบ แต่ถ้าหากขาดน้ำแล้วป่าจะสมบูรณ์ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ใช้ฝายกั้นน้ำ ซึ่งก่อสร้างขวางกั้นทางเดินของน้ำในบริเวณที่เป็นต้นน้ำหรือพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงเพื่อเก็บกักน้ำ และหากช่วงที่น้ำไหลแรงก็สามารถชะลอการไหลของน้ำให้ช้าลง และกักเก็บตะกอนไม่ให้ไหลเทลงไปยังบริเวณลุ่มน้ำตอนล่าง ซึ่งเป็นวิธีการอนุรักษ์ดิน และน้ำที่ได้ผลอีกวิธีหนึ่ง สำหรับรูปแบบ และของฝายกั้นน้ำ ได้พระราชทานพระราชดำรัสว่า ให้พิจารณาดำเนินการสร้างฝายราคาประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถูก และหาได้ง่ายในท้องถิ่น เป็นแบบทั้งหินคลุมด้วยตาข่าย      ปิดกั้นร่องน้ำ กับลำธารเล็กเป็นระยะๆ เพื่อใช้เก็บกักน้ำ และดักตะกอนดินและทรายไว้ในบางส่วน      ซึ่งน้ำที่เก็บกักไว้จะซึมเข้าไปในดิน ทำให้มีความชุ่มชื้นแผ่ขยายออกไปทั้งสองข้าง แล้วปลูกพันธุ์ไม้        ตเร็ว และพันธุ์ไม้ไม่ทิ้งใบ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำลำธารให้มีสภาพเขียวชอุ่ม ส่วนประเภทของฝายกั้นน้ำ ทรงแยกออกเป็น 2 ประเภท คือ ฝายต้นน้ำลำธารหรือฝายชะลอความชุ่มชื้น กับฝายดักตะกอน เพื่อป้องกัน มิให้ดินทรายไหลเทลงไปยังลุ่มน้ำตอนล่าง
                เกี่ยวกับการพิจารณาสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น เพื่อสร้างระบบวงจรน้ำแก่ป่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้ดำเนินการสำรวจหาทำเลสร้างฝายต้นน้ำลำธารในระดับที่สูงใกล้บริเวณยอดเขามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และลักษณะของฝายจะต้องให้สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้มากพอสมควร เพื่อให้มีปริมาณน้ำพอเพียงที่จะหล่อเลี้ยงกล้าไม้และต้นไม้ในช่วงหน้าแล้ง
สำหรับประโยชน์ที่ได้รับการจากฝายกั้นน้ำตามพระราชดำรินี้จะช่วยลดการพังทลายของดิน และลดความรุนแรงของกระแสน้ำในลำห้วย ทำให้มีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น ช่วยกักเก็บตะกอนที่ไหลลงมากับน้ำในลำห้วยได้ดี เป็นการช่วยยืดอายุแหล่งน้ำตอนล่างให้ตื้นเขินช้าลง เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่พื้นที่ ทำให้ความหนาแน่นของ พันธุ์พืชมีมากขึ้น และการที่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้นี้ ทำให้เกิดเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ตลอดจนใช้เป็นแหล่งน้ำเพื่อการบริโภคของมนุษย์ และสัตว์ต่างๆ ด้วยเหตุนี้ ฝายกั้นน้ำจึงนับเป็นพระราชดำริที่เป็นทฤษฎีการพัฒนาและฟื้นฟูป่าไม้ที่ยังประโยชน์สุขแก่พสกนิกร ทุกหมู่เหล่าอย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริง

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

การแปลงตัวเลขให้เป็นตัวหนังสือ (บาท) ใน Microsoft Word

       โดยปกติแล้วใน Excel จะมีฟังก์ชั่น BahtText() ที่ใช้สำหรับแปลงตัวเลขให้เ็้ป็นตัวหนังสือ (บาท) 
แต่ใน Word จะไม่มี ต้องพิมพ์จำนวนเงินให้เป็นตัวอักษรบ่อยใน Word
เราลองมาดูเขียน VBA เพื่อแปลงตัวเลขให้เป็นตัวหนังสือ (บาท) ว่าทำอย่างไร

Code ของโปรแกรมนะครับ



Sub B2Text()
'
Dim str1 As String, str2 As String
Dim SelInput As String
Dim LnText As Integer, pDot As Byte
Dim nLoop As Integer
Dim n As Integer, m As Integer
Dim sTemp1 As String, sTemp2 As String
Dim SpText As String
Dim bt1 As String, bt2 As String

On Error Resume Next

SelInput = Format(Trim(Selection.Text), "#.00") '
ตั้งค่าตัวเลขที่เลือกไว้ให้อยู่ในรูปแบบ "#.00" เป็นจุดทศนิยม 2 ตำแหน่ง

'
ตรวจสอบว่าเป็นจำนวนที่เป็นตัวเลขหรือไม่
If IsNumeric(SelInput) Then
Else
MsgBox "
โปรดเลือกเฉพาะตัวเลข", vbCritical, "Error"
Exit Sub
End If

LnText = Len(SelInput) '
หาความยาวของตัวเลขที่เลือก
pDot = InStr(SelInput, ".") '
หาตำแหน่งของ "."
str1 = Left(SelInput, pDot - 1) '
แยกตัวเลขที่อยู่หน้าจุดทศนิยม
str2 = Right(SelInput, LnText - pDot) '
แยกจำนวนตัวเลขหลังจุดทศนิยม

'
แบ่งตัวเลขชุดหน้าจุดทศนิยมเป็น 6 หลัก nLoop เป็นจำนวนชุดของตัวเลข (6 มาจากจำนวนหลัก หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน)
If Len(str1) Mod 6 <> 0 Then
nLoop = Int(Len(str1) / 6) + 1
Else
nLoop = Int(Len(str1) / 6)
End If

'
แปลงตัวเลขชุดก่อนหน้าจุดทศนิยมให้เป็นตัวหนังสือ
sTemp2 = ""
For n = 1 To nLoop
m = Len(str1) - 6 * n
If n = 1 Then SpText = "
บาท" Else SpText = "ล้าน" ' กำหนดค่าให้กับหลักหน่วยของเลขแต่ละชุด
If m >= 0 Then sTemp1 = Mid(str1, m + 1, 6) Else sTemp1 = Mid(str1, 1, m + 6)
sTemp2 = N2T(sTemp1, n) & SpText & sTemp2
bt1 = sTemp2
Next

'
แปลงตัวเลขหลังจุดทศนิยมให้เป็นตัวหนังสือ
If Val(str2) = 0 Then bt2 = "
ถ้วน" Else bt2 = N2T(str2, 1) & "สตางค์"


Selection.Text = bt1 & bt2 '
เปลี่ยนค่าตัวเลขที่เลือกไว้ให้เป็นตัวหนังสือ
End Sub

Function N2T(NStr As String, nLp As Integer) As String

Dim NumMain As Variant
Dim NumText As Variant
Dim LnStr As Integer, i As Integer, j As Integer
Dim StrTemp As String
Dim chTemp As String
Dim NumT As String
Dim NumM As String

NumMain = Array("", "
สิบ", "ร้อย", "พัน", "หมื่น", "แสน")
NumText = Array("", "
หนึ่ง", "สอง", "สาม", "สี่", "ห้า", "หก", "เจ็ด", "แปด", "เก้า")
LnStr = Len(NStr) '
หาความยาวของชุดตัวเลข

j = 0 ' j
เป็นค่าตำแหน่งของชุดตัวเลข
StrTemp = ""
For i = LnStr To 1 Step -1
j = j + 1
chTemp = Mid(NStr, i, 1) '
ค่าของตัวเลขที่ตำแหน่ง j

'
กำหนดค่าพิเศษให้กับชุดตัวเลข
If Val(chTemp) = 1 And j = 1 And j <> LnStr Then
NumT = "
เอ็ด"
ElseIf j = 2 And Val(chTemp) = 1 Then
NumT = ""
ElseIf j = 2 And Val(chTemp) = 2 Then
NumT = "
ยี่"
Else
NumT = NumText(Val(chTemp))
End If

If Val(chTemp) = 0 Then NumM = "" Else NumM = NumMain(j - 1)
StrTemp = NumT & NumM & StrTemp '
รวมค่าตัวเลขแต่ละตำแหน่งที่แปลงเป็นตัวหนังสือแล้ว
Next

N2T = StrTemp

End Function

 ******************************

สามารถนำไปใส่ในแมโครของ MS Word เพื่อเรียกใช้ได้เลยนะครับ

Hot Keys สำหรับ Microsoft Word

สำหรับคนที่ต้องใช้ Microsoft Word เป็นประจำ

CTRL + A = Select All เลือกทั้งหมด
CTRL + B = Bold ตัวหนา
CTRL + C = Copy คัดลอก
CTRL + D = Font format กำหนดรูปแบบอักษร
CTRL + E = Center ตรงกลาง
CTRL + F = Find ค้นหา
CTRL + G = Goto ไปที่
CTRL + H = Replace แทนที่
CTRL + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + J = Justify จัดชิดขอบ
CTRL + K = Insert Hyper Link แทรกการเชื่อมโยงหลายมิติ
CTRL + L = Left จัดชิดซ้าย
CTRL + M = Indent เพิ่มระยะเยื้อง
CTRL + N = New สร้างแฟ้มใหม่
CTRL + O = Open เปิดแฟ้มใหม่
CTRL + P = Print พิมพ์
CTRL + Q = Reset Paragraph ตั้งค่าย่อหน้าใหม่
CTRL + R = Right จัดชิดขวา
CTRL + S = Save จัดเก็บ (บันทึก)
CTRL + T = Tab (ตั้งระยะแท็บ)
CTRL + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + V = Paste วาง
CTRL + W = Close ปิดแฟ้ม
CTRL + X = Cut ตัด
CTRL + Y = Redo or Repeat ทำซ้ำ
CTRL + Z = Undo ยกเลิกการกระทำครั้งล่าสุด

CTRL + SHIFT + A = All Caps ทำเป็นตัวใหญ่ทั้งหมด (สำหรับภาษาอังกฤษ)
CTRL + SHIFT + B = Bold ตัวหนา
CTRL + SHIFT + C = Copy Format คัดลอกรูปแบบ
CTRL + SHIFT + D = Double Underline ขีดเส้นใต้ 2 เส้น
CTRL + SHIFT + E = Revision Mark Toggle สลับการทำเครื่องหมายรุ่นเอกสาร
CTRL + SHIFT + F = Fonts Name Select เลือกชื่อแบบอักษร
CTRL + SHIFT + G = Word count นับจำนวนคำ
CTRL + SHIFT + H = Hidden ซ่อน
CTRL + SHIFT + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + SHIFT + J = Thai Justify จัดคำแบบไทย
CTRL + SHIFT + K = Small Caps ทำอักษรตัวพิมพ์เล็กให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่แบบเล็กๆ
CTRL + SHIFT + L = Apply List Bullet ใช้เครื่องหมายหน้าข้อ
CTRL + SHIFT + M = Unindent ลดระยะเยื้อง
CTRL + SHIFT + N = Normal Style ใช้ลักษณะแบบปกติ
CTRL + SHIFT + O = N/A
CTRL + SHIFT + P = Font Size Select เลือกขนาดแบบอักษร
CTRL + SHIFT + Q = Symbol Font ใช้แบบอักษรสัญลักษณ์
CTRL + SHIFT + R = Recount Words นับคำใหม่
CTRL + SHIFT + S = Style กำหนดลักษณะ
CTRL + SHIFT + T = Unhang ไม่แขวนภาพ
CTRL + SHIFT + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + SHIFT + V = Paste Format วางรูปแบบ
CTRL + SHIFT + W = Word Underline ขีดเส้นใต้เฉพาะคำ
CTRL + SHIFT + X = N/A
CTRL + SHIFT + Y = N/A
CTRL + SHIFT + Z = Reset Character ตั้งค่าแบบอักษรใหม่

CTRL + ALT + A = N/A
CTRL + ALT + B = N/A
CTRL + ALT + C = Copyright sign ((c)) สัญลักษณ์ลิขสิทธิ์
CTRL + ALT + D = N/A
CTRL + ALT + E = Euro Sign (?) สัญลักษณ์เงินยูโร
CTRL + ALT + F = Insert Footnote Now แทรกหมายเหตุ
CTRL + ALT + G = N/A
CTRL + ALT + H = N/A
CTRL + ALT + I = Print Preview ตัวอย่างก่อนพิมพ์
CTRL + ALT + J = N/A
CTRL + ALT + K = Auto Format จัดรูปแบบอัตโนมัติ
CTRL + ALT + L = Insert List Number แทรกเลขลำดับหน้าข้อ
CTRL + ALT + M = Insert Annotation แทรกคำอธิบาย
CTRL + ALT + N = Normal View มุมมองปกติ
CTRL + ALT + O = Outline View มุมมองแบบร่าง
CTRL + ALT + P = Page View มุมมองเหมือนพิมพ์
CTRL + ALT + Q = N/A
CTRL + ALT + R = Registered sign สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
CTRL + ALT + S = Document Split แยกเอกสาร
CTRL + ALT + T = Trade Mark sign (?) สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้า
CTRL + ALT + U = Update Auto Format for Table ปรับปรุงการจัดรูปแบบอัตโนมัติในตาราง
CTRL + ALT + V = Insert Auto Text แทรกข้อความอัตโนมัติ
CTRL + ALT + W = N/A
CTRL + ALT + X = N/A
CTRL + ALT + Y = Repeat find ค้นหาเพิ่มเติม
CTRL + ALT + Z = Go back ย้อนกลับ

CTRL + < = Decrease Font size by step ลดขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + > = Increase Font size by step เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + [ = Decrease Font size by point เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + ] = Increase Font size by point ลดขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + - = Optional Hyphen แทรกยัติภังค์
CTRL + _ = Non Breaking Hyphen แทรกยัติภังค์แบบไม่แบ่งคำ
CTRL + = = Sub Script ตัวห้อย
CTRL + + = Super Script ตัวยก
CTRL + = Toggle Master sub documemt สลับไปมาระหว่างเอกสารหลักและเอกสารย่อย
CTRL + , = Prefix Keys กำหนดแป้นพิมพ์

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

ทุกคนในโลก...ไม่มีทุกข์นั้นไม่มี


ทุกคนในโลก...ไม่มีทุกข์นั้นไม่มี

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 2536 สมเด็จองค์ปฐมทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
1. จงมองคนทุกคนในโลก จักเห็นว่าไม่มีทุกข์นั้นไม่มี
ทุกข์ ของร่างกาย ทุกข์ของการเบียดเบียนซึ่งกันและกันทุกข์ด้วยอารมณ์จิตที่เบียดเบียนตนเอง การมีชีวิตทรงอยู่ในโลก จึงเต็มไปด้วยความทุกข์

2. เมื่อเจ้าเป็นประการนี้ ก็จงดูชาวโลกุตรชน จักเห็นความเป็นผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน อยู่ในจิตที่สงบของทุกท่านในที่นี้ อย่าว่าแต่เพียงตถาคตหรือพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์หรืออรหันต์สาวกเลย แม้ พรหม-เทวดา-นางฟ้าผู้ล่วงเข้าสู่โลกุตรชน ก็ทำการตัดกิเลสให้จิตได้สุข สงบตามลำดับแห่งบารมีธรรมของตนเองนั้นๆ

3. เพราะฉะนั้นพวกเจ้าเองก็เช่นกัน วันทั้งวัน คืนทั้งคืน จงหมั่นตัดกิเลสตามกำลังของตน เพื่อทำให้จิตสุขสงบขึ้นมาตามลำดับเถิด หากกรรมใดทำแล้ว จิตเศร้าหมอง ปราศจากสุขสงบ จงหมั่นหนีเลี่ยงการกระทำกรรมนั้น ทุกอย่างต้องใช้ปัญญาอันเป็นสัมมาทิฏฐิเข้ามาพิจารณา และใคร่ครวญ อย่าคิดอะไรที่ขาดสติ และนำมาซึ่งการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นเป็นอันขาด

4. อยากมานิพพาน จงทำกิจเพื่อพระนิพพานให้เข้มแข็งจริงจังด้วย ทำกันที่จิตนี่แหละ เป็นประการสำคัญ
เพราะการจะมานิพพานเราใช้จิต มิใช่ใช้ร่างกายมา ร่างกายเป็นสมบัติของโลก ในที่สุดก็ต้องคืนสู่โลกไป


5. อย่าห่วงร่างกายให้มาก เพียงแต่ทำให้มันตามหน้าที่ ที่มีร่างกายตามความจำเป็นเท่านั้น เห็นทุกข์เห็นโทษของการมีร่างกายให้ชัดเจน เพื่อความเป็นประโยชน์อันจักนำมาซึ่งการตัดร่างกายทิ้งไปได้ในที่สุด เมื่อถึงวาระของการดับแห่งร่างกายนั้นได้เกิดขึ้น


6. การทรงอารมณ์สังขาเบกขาญาณ ต้องใช้ปัญญารอบรู้ตามความเป็นจริง รู้ปกติของร่างกาย ทำทุกอย่างตามปกติธรรมนั้น ร่างกายมีโรคะเบียดเบียนตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา จิตของพวกเจ้าต้องไม่เบียดเบียนตนเองตามอาการของร่างกายนั้นๆ หิวก็รู้ว่าหิว หาให้กินตามหน้าที่ร้อนหนาวก็รู้อยู่ ป่วยก็รู้อยู่ หาหยูกหายารักษา แต่รู้ด้วยความไม่กังวล
เห็น เป็นปกติธรรมของร่างกายว่ามันเป็นอย่างนี้ เอง รักษาอารมณ์ใจเข้าไว้ ให้ยอมรับกฎของธรรมดา จิตก็จักไม่ดิ้นรน ฝืนสภาวะร่างกาย จิตก็จักสงบสุขได้ไม่ยากเย็น

ที่มาของข้อมูล.......

ธรรมะที่นำไปสู่ความหลุดพ้นเล่มที่ 6
พระราชพรหมยานมหาเถระ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
วัดท่าซุง

รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
จากหนังสือ ธรรมที่นำสู่ความทุกข์

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

น้ำแร่มีประโยชน์อย่างไร

น้ำแร่มีประโยชน์อย่างไร
       น้ำแร่ คือน้ำที่มีสารบางอย่างละลายอยู่เป็นพิเศษ  เช่น  เหล็ก สังกะสี  กำมะถัน ฯลฯ ซึ่งไม่ปรากฏว่าละลายอยู่ในน้ำธรรมชาติชนิดอื่น ในเมืองไทยมีบ่อน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง เช่นที่จังหวัดกาญจนบุรี สุราษฏร์ธานี ระนอง เป็นต้น สำหรับน้ำแร่บรรจุขวดที่ขายในเมืองไทย  ส่วนมากสั่งมาจากประเทศฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม
          แหล่งน้ำแร่แต่ละชนิดจะมีแร่ธาตุต่างกัน ประโยชน์ของน้ำแร่จึงอยู่ที่แร่ธาตุแต่ละชนิดที่มีอยู่ในน้ำนั้น เช่น  น้ำแร่ที่มีเกลือซัลเฟตของโซเดียมหรือแมกนีเซียม จะเป็นยาระบายช่วยขับถ่าย
น้ำแร่ที่มีฟลูออไรด์เป็นองค์ประกอบ มีประโยชน์ในการป้องกันฟันผุ  น้ำแร่ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ซึ่งมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นองค์ประกอบ จะช่วยขับปัสสาวะ นอกจากนั้นยังทำให้นำมีรสชวนดื่มอีกด้วย
          น้ำแร่ที่เป็นด่างมีเกลือไบคาร์บอเนต อาจช่วยลดกรดในกระเพาะน้ำแร่บริสุทธิ์ต้องมีส่วนประกอบ  และคุณสมบัติของน้ำแร่คงเดิมเท่าที่มีอยู่ในธรรมชาติ  ไม่มีการปนเปื้อนหรือปรุงแต่งด้วยสารเคมีใด   เพราะน้ำแร่ในธรรมชาติเองมีความสะอาด ผ่านการกรองจากชั้นดินต่าง   มาอย่างดี เวลานำน้ำแร่บรรจุขวดจำหน่าย เพียงแต่นำมาผ่านการฆ่าเชื้อโรคพวกเชื้อแบคทีเรีย และจุลินทรีย์แล้วนำไปผ่านเครื่องกรอง จากนั้นจึงตรวจสอบคุณภาพให้ได้มาตรฐาน คือ ต้องไม่มีแร่ธาตุเกินอัตราส่วนที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
         อย่างไรก็ตาม น้ำแร่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่ ยังเป็นปัญหาโต้แย้งกันอยู่นักวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศในยุโรปเชื่อกันว่า น้ำแร่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็เป็นความเชื่อที่ขาดหลักฐานการทดลองทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์
          น้ำแร่ที่วางจำหน่ายในเมืองไทยราคาไม่ใช่น้อยอย่างต่ำ ๆ ก็ขวดละ ๑๒ บาท ขึ้นไป